วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555

มะแว้งเครือ แก้ไอ แก้โรคหืดหอบ รักษาโรคเบาหวาน












พระพุทธภาษิต อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ซึ่่งเป็นความจริงที่สุด เป็นความจริงที่ทุกคนต้องเผชิญ กับทุกข์ด้วยโรคภัยที่มาเบียดเบียน และก็หนีกันไม่พ้น การมีสุขภาพดีนับเป็นปัจจัยพื้นฐานและส่งผลต่อความสำเร็จในชีวิต และเมื่อมีการเจ็บป่วยขึ้นมาก็ต้องดูแลตัวเราเอง ให้สุขภาพคงดีอยู่เสมอ วันนี้ผมนายตากล้อง ธรรมชาติ  ได้ติดตามหมอสมุนไพรพื้นบ้านไปดูและถ่ายภาพต้นมะแว้งเครือ ซึ่งมีสรรพคุณรักษาโรค เช่น แก้ไอ แก้โรคหืดหอบ รักษาโรคเบาหวาน

มะแว้งเครือ
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Solanum trilobatum L.
วงศ์ Solanaceae
ชื่ออื่น มะแว้งเถา(กรุงเทพฯ) แขว้งเควีย(ตาก)
ข้อมูลลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้เถาเลื้อยพันกับต้นไม้อื่นๆ ลำต้นกลมสีเขียวเป็นมัน มีหนามแหลมตามกิ่งก้าน
ใบ เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ สีเขียว มีหนามตามเส้นใบ
ดอก ออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ดอกมีสีม่วง ลักษณะคล้ายกับดอกมะเขือพวง  กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ กลีบดอก 5 แฉก ปลายแหลม
ผล รูปทรงกลม ขนาด 0.5 ซ.ม. ผลดิบมีสีเขียว เมื่อสุกจะกลายเป็นสีแดงเข้ม รสขมฝาด
สรรพคุณ
ราก ใช้แก้โลหิตออกทางทวารหนัก ทวารเบา แก้ไอ แก้ขับเสมหะให้ตก แก้หืด ขับปัสสาวะ แก้ไข้สันนิบาต บำรุงธาตุ แก้น้ำลายเหนียว กระหายน้ำ แก้วัณโรค
ทั้งต้น ใช้ขับเหงื่อ แก้ไอ แก้หืด ขับปัสสาวะ
ต้น ใช้แก้หญิงท้องขึ้นขณะมีครรภ์ แก้ไอ ขับเสมหะ แก้น้ำลายเหนียว กระทุ้งพิษไข้ ขับปัสสาวะ
ใบ ใช้บำรุงธาตุ แก้ไอ แก้น้ำลายเหนียว
ผลสด ใช้เป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ ขับปัสสาวะ รักษาโรคเบาหวาน บำรุงดี แก้น้ำลายเหนียว บำรุงเลือด แก้โลหิตออกทางทวารหนัก ทวารเบา
วิธีและปริมาณที่ใช้ แก้ไอ แก้โรคหืดหอบ ใช้เป็นยาขมเจริญอาหาร
1.เอาผลมะแว้งเครือสด 5-10 ผล นำมาเคี้ยวกลืนเฉพาะน้ำจนหมดรสขม แล้วคายกากทิ้งเสีย บำบัดอาการไอได้ผลชงัด
2.ใช้ผลสดเคี้ยวแล้วกลืนทั้งน้ำทั้งเนื้อ รักษาเบาหวาน ลดน้ำตาลในเลือด ใช้ผลมะแว้งโตเต็มที่ 10-20 ผล รับประทานเป็นอาหารเป็นผักจิ้มน้ำพริก


วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ตามติดถ่ายรูปผีเสื้อ หลังฝนแล้งใกล้ๆบ้าน

ช่วงนี้ทางภาคใต้มีฝนตกลงมาบ่อยๆ มีหนักบ้างเบาบ้างสลับกัน ผมนายตากล้อง ธรรมชาติ เลยอดถ่ายรูปไป ถึงแม้ว่าจะใครบอกว่า ถ่ายรูปตอนฝนตกก็ได้ แต่ก็นั้นแหละครับจะเสี่ยงกล้องพังเอาเปล่าๆ ไม่คุ้มกันครับ ตอนฝนตกบรรยากาศก็ดูสลัวๆมืดครึ้ม รูปออกมาก็คงไม่สวยครับ งั้นก็ออกไปถ่ายรูปตอนที่ฝนนั้นหยุดตกซะ...อืมเป็นความคิดที่เข้าท่าครับ
เมื่อฝนตกจากเช้าจนเลยเที่ยง มาตอนบ่าย ผมเดินออกสำรวจข้างๆบ้าน ริมถนน หลังฝนแล้งใหม่ๆ เหล่าแมลงต่างก็บินร่อนโฉบไปมา โดยเฉพาะ แมลงอย่างผีเสื้อ ที่โบกปีกบางๆโฉบไปมาไปตามดอกหญ้าดอกไม้ต่างนานา มีทั้งผีเสื้อตัวเล็กตัวใหญ่





ผีเสื้อตัวน้อยลายปีกขาวดำ กำลังเริงระบำโบกปีกบางๆบนดอกหญ้าตีนตุ๊กแก..











เจ้าผีเสื้อสีเหลืองตัวนี้ ไม่นิ่งนัก บินโฉบไปตรงโน้นทีตรงนี้ที ผมตามไล่กดชัตเตอร์แทบไม่ทัน ได้รูปชัดบ้างไม่ชัดบ้าง บางรูปกำลังกดชัตเตอร์ อ้าว บินไปซะ เล่นเอาผมนี้เวียนหัว มันคงจะคิดว่า..เออจะเอารูปจากฉันง่ายๆนะเรอะ...หลอกให้ตามถ่ายให้เหนื่อยซะ ฮ่าๆๆ ขำไปคนเดียว

จากนั้นผมเดินเล่นไปเรื่อยๆ ไปที่นาของบ้านข้างๆเคียงสักหน่อย เพราะว่าที่นาข้าว ต้องมีแมลงต่างๆอยู่บ้างแหละครับ


ไม่ผิดหวังครับ และแล้วผมก็เจอนายแบบหรือนางแบบ สวยหล่ออยู่ที่ตัวหนึ่งครับ


















นายแบบหรือนางแบบของผมก็ไม่นิ่ง ก็อยู่ไม่นิ่ง เหมือนกับตัวก่อนๆครับ บินแว่บไปหยุดตรงโน้น ตรงนี้ เกาะที่พื้นดินบ้าง เกาะต้นข้าวบ้าง ผมก็ตามติดกดชัตเตอร์ตามไป รัวๆไปครับ แล้วมาเลือกรูปในภายหลังที่เปิดดูรูปในคอมฯ
เป็นอันว่าจบภาระกิจติดตามถ่ายรูปผีเสื้อในวันนี้ ก็ได้ภาพผีเสื้อมา 3 สี 3 แบบ รูปชัดบ้าง ไม่ชัดบ้างตามอัตภาพครับ และผมก็ยังฝีมือสมัครเล่นอยู่ครับ ขอเชิญคอมเม้นมาได้ครับว่าเป็นอย่างไรบ้างสำหรับบทความที่ผมนำเสนอในคราวนี้ ผมขอจบบทความในครั้งนี้เพียงแค่นี้ครับ ขอบคุณที่อ่านมาจนจบครับ...